Browse By

Tag Archives: แฟนบอล

ซีเนดีน ซีดาน ตำนานนักเตะ เผยชีวิตในสมัยมาค้าแข้งกับ ยูเวนตุส

ในโลกของฟุตบอล คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ ซีเนดีน ซีดาน หนึ่งในนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก เจ้าของฉายา “ซิซู” ผู้มีสไตล์การเล่นที่สง่างาม ดุดัน และเปี่ยมด้วยเทคนิคระดับปรมาจารย์ ล่าสุด ซีดานได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวชีวิตในช่วงที่เขาค้าแข้งกับ ยูเวนตุส สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลี ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่หล่อหลอมให้เขากลายเป็นนักเตะระดับโลกอย่างแท้จริง การย้อนรำลึกของตำนานฝรั่งเศสรายนี้ทำให้แฟนบอลทั่วโลกได้เห็นอีกมุมหนึ่งของชายผู้สงบนิ่งนอกสนาม แต่เปี่ยมด้วยไฟแห่งการแข่งขันในทุกวินาทีที่อยู่ในสนาม ซีดานย้ายจากบอร์กโดซ์ สโมสรในลีกเอิง ฝรั่งเศส มาร่วมทีมยูเวนตุสในปี 1996 ด้วยค่าตัวประมาณ 3.2 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยในยุคนั้น ภายใต้การคุมทีมของมาร์เชลโล่ ลิปปี้ เขาได้ก้าวเข้าสู่เวทีที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตอย่างกัลโช่ เซเรีย อา ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นลีกที่แข็งแกร่งที่สุดของยุโรป เต็มไปด้วยนักเตะระดับตำนานอย่าง เปาโล มัลดินี, โรแบร์โต้ บาโจ้, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ และจอร์จ เวอาห์ ซีดานยอมรับว่า การปรับตัวในช่วงแรกไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฟุตบอลอิตาเลียนเต็มไปด้วยแท็กติก

พาร์เกอร์อยากเห็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดดึง อันเชล็อตติ คุมทีม

เมื่อ พอล พาร์เกอร์ อดีตกองหลังของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เขาอยากเห็นทีมเก่าของตนดึงตัว คาร์โล อันเชล็อตติ ยอดกุนซือชาวอิตาเลียนเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม หากสโมสรตัดสินใจแยกทางกับ เอริก เทน ฮาก ในอนาคตอันใกล้ ความเห็นของพาร์เกอร์ได้สร้างกระแสอย่างกว้างขวางในหมู่แฟนบอล เนื่องจากชื่อของอันเชล็อตติถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จและความสงบภายใต้แรงกดดัน ซึ่งตรงกันข้ามกับสถานการณ์ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเผชิญอยู่ในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง พาร์เกอร์ ซึ่งเคยลงเล่นให้ปีศาจแดงในช่วงต้นยุค 90 และเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ภายใต้การคุมทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เชื่อว่า ยูไนเต็ดต้องการกุนซือที่มีความนิ่ง มีบารมี และเข้าใจวิธีจัดการกับนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์อย่างแท้จริง เพื่อฟื้นฟูบรรยากาศภายในทีมที่ดูสั่นคลอนในปัจจุบัน เขากล่าวในบทสัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษว่า “คาร์โล อันเชล็อตติคือคนที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องการ เขาเป็นโค้ชที่ทุกคนเคารพ ไม่ใช่เพราะเสียงดังหรือเข้มงวด แต่เพราะเขามีออร่าของความสงบและความมั่นใจ ซึ่งสามารถเปลี่ยนห้องแต่งตัวที่เต็มไปด้วยความกดดันให้กลับมาสงบได้ในทันที” คำพูดของพาร์เกอร์สะท้อนสิ่งที่แฟนบอลหลายคนรู้สึกในช่วงหลัง เมื่อยูไนเต็ดภายใต้การนำของเทน ฮากยังไม่สามารถสร้างความมั่นคงได้อย่างแท้จริง แม้จะมีช่วงเวลาที่ทีมโชว์ฟอร์มดี

วิคเตอร์ โยเคเรส ไม่ได้ยกระดับฝีเท้าขึ้นมามากนัก

หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจจากทั้งสื่อและแฟนบอลคือฟอร์มการเล่นของ วิคเตอร์ โยเคเรส (Viktor Gyökeres) กองหน้าชาวสวีเดนของ อาร์เซน่อล ซึ่งแม้จะถูกคาดหวังอย่างสูงหลังการย้ายจากโคเวนทรี ซิตี้ มาสู่ถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แต่จนถึงตอนนี้หลายฝ่ายกลับมองว่าเขายังไม่สามารถยกระดับฝีเท้าขึ้นมาได้มากนักจากตอนที่ยังค้าแข้งอยู่ในแชมเปี้ยนชิพ ความคาดหวังอันมหาศาลของแฟนบอลกลายเป็นแรงกดดันมหึมาที่โยเคเรสต้องเผชิญในทุกนัดที่ลงสนาม โยเคเรสสร้างชื่อเสียงขึ้นมาอย่างโดดเด่นกับโคเวนทรีในฤดูกาล 2022-23 ซึ่งเขายิงไปถึง 21 ประตูและทำอีก 10 แอสซิสต์ในลีก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ผลงานอันร้อนแรงนั้นทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในอังกฤษ และเป็นเป้าหมายของหลายทีมในพรีเมียร์ลีก รวมถึงเอฟเวอร์ตัน เวสต์แฮม และอาร์เซน่อล สุดท้ายทีมของมิเกล อาร์เตต้าเป็นฝ่ายคว้าลายเซ็นของดาวยิงชาวสวีเดนมาครองด้วยค่าตัวราว 45 ล้านปอนด์ ท่ามกลางความคาดหวังว่าเขาจะเข้ามาเติมเต็มจุดอ่อนในตำแหน่งศูนย์หน้าที่ทีมขาดแคลนมานาน หลังจากที่กาเบรียล เชซุส และเอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ยังไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปหลายเดือนในเสื้ออาร์เซน่อล ผลงานของโยเคเรสกลับยังไม่เป็นไปตามที่แฟนบอลคาดหวัง เขาทำประตูได้น้อยกว่าที่หลายคนคาดไว้ และฟอร์มโดยรวมก็ไม่ได้โดดเด่นเหนือกว่าช่วงที่เล่นในลีกล่างมากนัก นักวิเคราะห์บางรายถึงกับระบุว่า “เขายังเป็นโยเคเรสคนเดิม เพียงแค่เปลี่ยนเสื้อทีมเท่านั้น”

อเลฮานโดร การ์นาโช่ ตัดสินใจผิดที่ย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

การตัดสินใจของนักฟุตบอลในเส้นทางอาชีพบางครั้งอาจเปลี่ยนอนาคตของพวกเขาไปตลอดกาล เช่นเดียวกับกรณีของ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ปีกดาวรุ่งชาวอาร์เจนตินาที่ตกเป็นข่าวว่า “ตัดสินใจผิดพลาด” หลังจากเลือกย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาเพื่อแสวงหาความท้าทายใหม่ในต่างแดน แม้ในช่วงเวลานั้นหลายฝ่ายมองว่าการย้ายทีมครั้งนี้จะช่วยให้เขาได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้นและพัฒนาไปอีกระดับ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งฤดูกาล ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปอย่างที่คาด หลายเสียงจากทั้งแฟนบอลและนักวิเคราะห์ต่างออกมาเห็นตรงกันว่า การ์นาโช่อาจเดินผิดทางและเสียโอกาสสำคัญในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของอาชีพค้าแข้ง ในฤดูกาลก่อน การ์นาโช่ถือเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก เขาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวภายใต้การคุมทีมของ เอริก เทน ฮาก ด้วยสไตล์การเล่นที่รวดเร็ว ดุดัน และกล้าได้กล้าเสีย ความสามารถในการลากเลื้อยและจบสกอร์ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจแฟนบอลในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดอย่างรวดเร็ว ประตูสุดสวยในเกมกับเอฟเวอร์ตันเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาได้รับการพูดถึงไปทั่วโลก และทำให้ชื่อของเขากลายเป็นที่รู้จักในฐานะ “ดาวรุ่งแห่งอนาคต” ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ในขณะเดียวกัน ความทะเยอทะยานของนักเตะวัยเพียง 20 ปีรายนี้ก็เริ่มเพิ่มขึ้น เขาเชื่อว่าตัวเองควรได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง และต้องการเป็นกำลังหลักในทีมชุดใหญ่ ไม่ใช่แค่ตัวสำรองหรือผู้เล่นหมุนเวียน ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมามีรายงานว่า การ์นาโช่เริ่มรู้สึกไม่พอใจกับสถานการณ์ของตนเองในทีม โดยเฉพาะเมื่อเทน ฮากยังคงเลือกใช้มาร์คัส แรชฟอร์ดเป็นตัวหลักทางฝั่งซ้าย และให้การ์นาโช่ลงสนามในฐานะตัวสอดแทรกในบางเกมเท่านั้น ความไม่พอใจนี้ถูกตีความว่าเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจย้ายออกไป

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีความสนใจจะดึง โธมัส ทูเคิ่ล มานั่งเก้าอี้กุนซือ

ในช่วงเวลาที่กระแสข่าวการเปลี่ยนแปลงกุนซือในสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเป็นประเด็นร้อนในวงการฟุตบอลยุโรป ล่าสุดมีรายงานชัดเจนจากสื่ออังกฤษหลายสำนักยืนยันตรงกันว่า “ปีศาจแดง” ไม่มีความสนใจที่จะดึงตัว โธมัส ทูเคิ่ล เข้ามานั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีมคนใหม่ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด แม้ว่าอดีตกุนซือของบาเยิร์น มิวนิค และเชลซีรายนี้จะเป็นหนึ่งในชื่อที่ถูกพูดถึงอย่างมากในหมู่นักวิเคราะห์และแฟนบอลทั่วโลกก็ตาม การตัดสินใจของบอร์ดบริหารแมนฯ ยูไนเต็ดครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการบริหารทีมในยุคใหม่ภายใต้โครงสร้างที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากการเข้ามาของเซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ และกลุ่ม INEOS ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในด้านฟุตบอล สาเหตุหลักที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตัดสินใจไม่เดินหน้าในดีลนี้ มาจากความต้องการความต่อเนื่องของโครงการระยะยาวที่เริ่มต้นไว้ภายใต้การนำของ เอริก เทน ฮาก แม้ว่าผลงานของทีมในฤดูกาลที่ผ่านมาอาจไม่สม่ำเสมอและเต็มไปด้วยแรงกดดัน แต่บอร์ดบริหารมองว่า การเปลี่ยนกุนซือบ่อยครั้งจะทำให้โครงสร้างของทีมไม่มั่นคง และส่งผลต่อพัฒนาการของนักเตะดาวรุ่งที่กำลังเติบโต เช่น โคบี้ ไมนู, อเลฮานโดร การ์นาโช่ และราสมุส ฮอยลุนด์ ซึ่งถือเป็นอนาคตของสโมสร การสร้างทีมในแนวทางระยะยาวเป็นสิ่งที่แมนฯ ยูไนเต็ดกำลังยึดถืออย่างชัดเจน ซึ่งทิศทางนี้คล้ายกับแนวทางของทีมชั้นนำในยุโรปที่เลือกให้ความสำคัญกับเสถียรภาพมากกว่าความสำเร็จเฉพาะหน้าในระยะสั้น ทูเคิ่ลในเวลานี้กำลังอยู่ในช่วงพักงานหลังจากแยกทางกับบาเยิร์น มิวนิค

คล็อปป์ชี้สื่อวิจารณ์ผลงาน เวียร์ตซ์ เกินจริง

ประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือคำให้สัมภาษณ์ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการถูกวิจารณ์อย่างหนักของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่งของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น หลังจากที่เจ้าตัวทำผลงานไม่โดดเด่นในช่วงเกมทีมชาติที่ผ่านมา คล็อปป์ซึ่งเป็นคนเยอรมันและติดตามพัฒนาการของเวียร์ตซ์มาตั้งแต่เขายังอยู่ในทีมเยาวชน ออกมาปกป้องแข้งรุ่นน้องรายนี้ด้วยท่าทีที่ชัดเจน พร้อมชี้ว่าการวิจารณ์ของสื่อเยอรมันในตอนนี้ถือว่า “เกินจริง” และอาจส่งผลเสียต่อความมั่นใจของนักเตะดาวรุ่งที่กำลังอยู่ในช่วงการเติบโตของอาชีพอย่างรุนแรง คล็อปป์ให้สัมภาษณ์กับสื่อเยอรมันว่า “ฟลอเรียนเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม เขามีความเข้าใจในเกมฟุตบอลในระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับอายุของเขา ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงคาดหวังให้เขาทำสิ่งมหัศจรรย์ได้ในทุกเกม เขาอายุเพียง 21 ปี และเพิ่งผ่านอาการบาดเจ็บหนักมาเมื่อไม่นานนี้ การวิจารณ์เขาอย่างรุนแรงแบบนั้นไม่ยุติธรรมเลย” คำพูดดังกล่าวของคล็อปป์ได้รับเสียงสนับสนุนจากแฟนบอลและอดีตนักเตะจำนวนมาก โดยหลายคนเห็นตรงกันว่าเวียร์ตซ์ยังคงเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่มีศักยภาพสูงสุดในยุโรป และกำลังอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง ในฤดูกาลล่าสุด เวียร์ตซ์ถือเป็นหัวใจสำคัญของเลเวอร์คูเซ่น ภายใต้การคุมทีมของ ชาบี อลอนโซ่ เขาเป็นศูนย์กลางของการสร้างสรรค์เกมรุกและมีบทบาทสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกาครั้งประวัติศาสตร์แบบไร้พ่าย ความสามารถของเขาในการจ่ายบอลทะลุแนวรับ ความนิ่งในจังหวะสำคัญ และการอ่านเกมอย่างชาญฉลาด ทำให้เวียร์ตซ์ได้รับการยกย่องว่าเป็น “เพชรเม็ดงาม” ของวงการฟุตบอลเยอรมัน ทว่าหลังจากเข้าสู่ช่วงเกมทีมชาติ นักเตะรายนี้กลับไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้ตามมาตรฐานเดิม ซึ่งทำให้สื่อหลายสำนักเริ่มตั้งคำถามถึงความพร้อมและแรงกดดันที่เขาแบกรับ สำหรับคล็อปป์ซึ่งเป็นโค้ชที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเยาวชนมาโดยตลอด เขามองว่าสถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเชิงวัฒนธรรมของวงการฟุตบอลในปัจจุบัน ที่ผู้คนคาดหวังความสมบูรณ์แบบจากนักเตะอายุน้อยเกินไป เขากล่าวเพิ่มเติมว่า